รูปแบบข้อสอบ | จำนวนข้อ | คะแนนเต็ม |
ปรนัย 5 ตัวเลือก 1 คำตอบ | 50 | 100 |
วันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
วันอังคารที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2560
กิจกรรมที่ 1 คลังข้อสอบ

มาอ่านสรุป TCAS ระบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลับรูปแบบใหม่ที่จะเริ่มใช้ในปีการศึกษา 2561 นี้ กันดีกว่า ว่าสรุปแล้วระบบใหม่นี้มันคืออะไรกันแน่? ต่างจากระบบเก่ายังไง? มีข้อดีอะไรบ้าง? แล้วต้องเตรียมสมัครวันไหน? น้องๆ ที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับม.ปลาย โดยเฉพาะคนที่ต้องใช้ระบบ TCAS ในการเข้ามหาวิทยาลัย ต้องมาอ่านกันให้ดีๆ เพื่อเตรียมความพร้อม !
TCAS คืออะไร ?
- TCAS เป็นระบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยรูปแบบใหม่ ซึ่งย่อมาจาก Thai University Central Admission System
- ไม่ใช่ระบบเอ็นทรานซ์ แต่เป็นการรวมวิธีการรับนักศึกษาทั้ง 5 รูปแบบมาไว้ด้วยกัน
- สามารถติดตามและตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ได้ผ่านทางเว็บไซต์ทางการ http://TCAS61.cupt.net ตั้งแต่ 2 มิถุนายน เวลา 18:00 เป็นต้นไป

ต่างจากระบบเดิมยังไงบ้าง ?
- การสอบของข้อสอบกลางทั้งหมดจะเลื่อนไปสอบหลังจากที่เด็กชั้น ม.6 เรียนจบการศึกษาแล้ว
- GAT/ PAT จัดสอบระหว่างวันที่ 24 – 27 กุมภาพันธ์ 2561
- O-NET จัดสอบระหว่างวันที่ 3 – 4 มีนาคม 2561
- 9 วิชาสามัญ จัดสอบระหว่างวันที่ 17 – 18 มีนาคม 2561
- กสพท. และวิชาเฉพาะของแต่ละมหาวิทยาลัย จัดสอบระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ – 12 เมษายน 2561
- นอกจากนี้ยังมีการเพิ่ม ภาษาเกาหลี เป็นภาษาเพิ่มเติมในการสอบ PAT7 ความถนัดทางภาษาต่างประเทศด้วย

มีข้อดียังไงบ้าง ?
- เพิ่มโอกาสความเท่าเทียมในการเข้ามหาวิทยาลัย
- ลดปัญหาการกันสิทธิ์คนอื่น (กั๊กที่)
- ลดปัญหาความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างคนรวยกับคนจน
- แก้ปัญหาวิ่งรอกสอบ เพราะระบบใหม่จะจัดช่วงเวลาการสอบหลังจากที่เด็กชั้น ม.6 เรียนจบการศึกษาแล้ว

รายละเอียดการคัดเลือก TCAS ทั้ง 5 รอบ (ปีการศึกษา 2561)
- รอบที่ 1 : การรับด้วยแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) โดยไม่มีการสอบข้อเขียน
- สำหรับ : นักเรียนทั่วไป นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษ นักเรียนโควตา นักเรียนเครือข่าย
- ยื่นสมัครและคัดเลือกโดย : สถาบันอุดมศึกษา/ มหาวิทยาลัยโดยตรง
- ช่วงวันเปิดรับสมัคร และวันคัดเลือก :
- ครั้งที่ 1 : 1 ตุลาคม 2560 – 30 พฤศจิกายน 2560
- ประกาศผล : 22 ธันวาคม 2560
- ครั้งที่ 2 : 22 ธันวาคม 2560 – 28 กุมภาพันธ์ 2561
- ประกาศผล : 26 มีนาคม 2561
- ครั้งที่ 1 : 1 ตุลาคม 2560 – 30 พฤศจิกายน 2560
- รอบที่ 2 : การรับแบบโควตาที่มีการสอบปฏิบัติและข้อเขียน
- สำหรับ : นักเรียนที่อยู่ในเขตพื้นที่หรือภาค โควตาโรงเรียนในเครือข่าย และโครงการความสามารถพิเศษ
- คะแนนที่ต้องใช้ยื่น : GAT/PAT, 9 วิชาสามัญ
- ช่วงวันเปิดรับสมัคร และวันคัดเลือก : ธันวาคม 2560 – เมษายน 2561
- ประกาศผล : 8 พฤษภาคม 2561
- ยื่นสมัครและคัดเลือกโดย : สถาบันอุดมศึกษา/ มหาวิทยาลัยโดยตรง
- รอบที่ 3 : การรับตรงร่วมกัน
- สำหรับ : นักเรียนที่อยู่ในโครงการ กสพท. (กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย), โครงการอื่นๆ ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
- ช่วงวันเปิดรับสมัคร และวันคัดเลือก : 9 – 13 พฤษภาคม 2561
- ประกาศผล : 8 มิถุนายน 2561
- การเลือกสอบ : สามารถสมัครสอบและเลือกได้ 4 สาขาวิชา โดยไม่มีลำดับ หมายความว่า 4 สาขาวิชา หรือ 4 มหาวิทยาลัยที่สมัครไปนั้นน้องๆ มีโอกาสผ่านการคัดเลือกทั้งหมด.. (แล้วค่อยเลือกมหาวิทยาลัยที่ต้องการศึกษาต่อในเคลียริ่งเฮาส์ของรอบที่ 3 อีกครั้ง) ซึ่งที่จะมีการจัดสอบร่วมกันในเวลาเดียวกัน โดยแต่ละมหาวิทยาลัยเป็นคนกำหนดเกณฑ์การคัดเลือกเอง
- รอบที่ 4 : การรับแบบ Admission
- สำหรับ : นักเรียนทั่วไป
- ช่วงวันเปิดรับสมัคร และวันคัดเลือก : 6 – 10 มิถุนายน 2561
- ประกาศผล : 13 กรฎาคม 2561
- การเลือกสอบ : สามารถสมัครสอบและเลือกได้ 4 สาขาวิชา โดยมีลำดับ (เหมือนปีที่ผ่านมา)
- รอบที่ 5 : การรับตรงแบบอิสระ (รอบเก็บตก)
- สำหรับ : นักเรียนทั่วไป
- ช่วงวันเปิดรับสมัคร และวันคัดเลือก : ภายในเดือนกรกฎาคม 2561
- การเลือกสอบ : สามารถสมัครสอบได้ตามความต้องการ โดยที่แต่ละมหาวิทยาลัยจะรับตรงด้วยวิธีการของมหาวิทยาลัยเอง
- ยื่นสมัครและคัดเลือกโดย : สถาบันอุดมศึกษา/ มหาวิทยาลัยโดยตรง

สำหรับเด็กซิ่ว
เด็กซิ่วสามารถสมัครได้ทุกรอบที่มีการเปิดรับสมัคร โดยจะต้องเป็นไปตามคุณสมบัติและระเบียบการที่มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งระบุไว้
*เด็กซิ่ว = เด็กที่ลาออกจากการเป็นนิสิตนักศึกษาแล้วกลับมาเข้าระบบเพื่อแอดมิชชั่นใหม่
สำหรับเด็กอินเตอร์
กระทรวงศึกษาธิการเผยว่า เด็กที่จบจากโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย หรือ จบการศึกษาจากต่างประเทศ ไม่ต้องเทียบวุฒิการศึกษา โดยสามารถสมัครสอบ(ตามเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนด) ได้ 3 รูปแบบ คือ
- การสมัครในรอบที่ 1 : การรับด้วยแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) โดยไม่มีการสอบข้อเขียน
- อาจเป็นการยื่นคะแนนทางวิชาการ IELTS, TOEFL, SAT เป็นต้น และมีมีคุณสมบัติตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
- การสมัครในรอบที่ 3 หรือรอบที่ 5 : การรับตรงร่วมกัน, การรับตรงแบบอิสระ (รอบเก็บตก)
- โดยต้องมีการสอบเพิ่มเติม หรือมีคุณสมบัติตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
- การสมัครในรอบที่ 4 : การรับแบบ Admission
- โดยต้องมีคะแนนและใช้องค์ประกอบคะแนนตามที่กำหนด
สำหรับเด็กที่จะเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฎ หรือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
นักเรียนที่ต้องการเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฎ หรือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล จะสามารถสมัครในรอบที่ 1-3 และรอบที่ 5 แต่จะไม่มีกาสอบรอบที่ 4 (Admission) เพราะว่าจะเป็นช่วงเปิดภาคเรียนของมหาวิทยาลัยทั้ง 2 กลุ่มแล้ว
แหล่งข้อมูล
https://www.mangozero.com/thai-university-central-admission-system/
ปี2555
http://www.webythebrain.com/article/test-blueprint_9-tcas-61
☁ ☼ ☁ ☼ ☁ ☼ ☁ ☼ ☁ ☼ ☁ ☼ ☁ ☼ ☁ ☼ ☁ ☼ ☁ ☼☁
คลังข้อสอบ
✓9 วิชาสามัญ
ปี2555
ปี2556
ปี2557
เฉลย https://mega.nz/#!B4w0yQwS!v9vILYv9n11Se1MWDJ9JzG9kdSd3nfhPJQEq3XxQF94
ปี 2558
ข้อสอบ https://drive.google.com/file/d/0B0dTFCsluhKLRm1aMjQ0Z2V2Zzg/view
เฉลย https://mega.nz/#!9hxTUTKY!84lI0rzb3GHgHx-MqfqyJL2OPgjhHuajti7g4leejzs
ปี 2558
ข้อสอบ https://drive.google.com/file/d/0B0dTFCsluhKLRm1aMjQ0Z2V2Zzg/view
เฉลย https://mega.nz/#!9hxTUTKY!84lI0rzb3GHgHx-MqfqyJL2OPgjhHuajti7g4leejzs
รูปแบบข้อสอบ | จำนวนข้อ | คะแนนเต็ม |
ปรนัย 5 ตัวเลือก 1 คำตอบ | 50 | 100 |
ปี2555
ปี2556
ปี2557
ปี 2558
รูปแบบข้อสอบ | จำนวนข้อ | คะแนนเต็ม |
ปรนัย 5 ตัวเลือก 1 คำตอบ | 80 | 100 |
ปี2555
ปี2556
ปี2557
https://www.facebook.com/punportomg/
ปี2555
รูปแบบข้อสอบ | จำนวนข้อ | คะแนนเต็ม |
ปรนัย 5 ตัวเลือก 1 คำตอบ | 30 | 100 |
ปี2555
ปี2556
ข้อสอบ https://drive.google.com/file/d/0B0dTFCsluhKLUXlId1pMUkRuQWs/edit?usp=sharing
เฉลย https://drive.google.com/file/d/0B0dTFCsluhKLRXc1RjltWXVNdEE/edit?usp=sharing
https://drive.google.com/file/d/0B0dTFCsluhKLcm00c1dGNjI4NEk/edit?usp=sharing
เฉลย https://drive.google.com/file/d/0B0dTFCsluhKLRXc1RjltWXVNdEE/edit?usp=sharing
https://drive.google.com/file/d/0B0dTFCsluhKLcm00c1dGNjI4NEk/edit?usp=sharing
ปี2557
ข้อสอบ https://drive.google.com/file/d/0B0dTFCsluhKLMEpHYkpyREVUOEU/view?usp=sharing
เฉลย https://drive.google.com/file/d/0B0dTFCsluhKLd09razBJNnpzRzA/view?usp=sharing
เฉลย https://drive.google.com/file/d/0B0dTFCsluhKLd09razBJNnpzRzA/view?usp=sharing
รูปแบบข้อสอบ | จำนวนข้อ | คะแนนเต็ม |
ปรนัย 5 ตัวเลือก 1 คำตอบ | 25 | 100 |
ปี2556
ปี2557
รูปแบบข้อสอบ | จำนวนข้อ | คะแนนเต็ม |
ปรนัย 5 ตัวเลือก 1 คำตอบ | 80 | 100 |
วันอังคารที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2560
วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
ใบงานที่ 4 บทความสารคดี
😾โรคซึมเศร้า😾
ในทศวรรษ 1890 มุงค์ได้ใช้เวลาช่วงฤดูร้อนหลายครั้ง ร่วมกับเพื่อนๆ จากกลุ่ม Kristiania’s bohemian คนที่เป็นต้นแบบรูปคนซบหน้ากับแขนในภาพวาดคือ Jappe Nilssen ซึ่งเป็นนักเขียนและนักวิจารณ์ศิลปะ จะเห็นสาเหตุซึ่งทำให้เขาเศร้าโศกจากฉากหลังที่เป็นสะพานยาวที่ทอดยื่นไปในทะเล คู่รักของเขากำลังเดินไปขึ้นเรือกับชายอื่น
ภูมิทัศน์สะท้อนถึงบรรยากาศของความเงียบสงัดและหม่นหมอง โครงภาพไม่ซับซ้อนและก้อ
Melancholy เป็นงานชิ้นสำคัญในชุดภาพวาด Frieze of Life ของมุงค์ มีด้วยกันหลายๆ แบบและเป็นจุดเริ่มต้นของการหันเหไปสู่ภาพพิมพ์ลายไม้ที่มีชื่อเสียงของเขา
ลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ
7. อาการโรคจิต จะพบในรายที่เป็นรุนแรงซึ่งนอกจากผู้ที่เป็นจะมีอาการซึมเศร้ามากแล้ว จะยังพบว่ามีอาการของโรคจิตได้แก่ อาการหลงผิดหรือประสาทหลอนร่วมด้วย ที่พบบ่อยคือ จะเชื่อว่ามีคนคอยกลั่นแกล้ง หรือประสงค์ร้ายต่อตนเอง อาจมีหูแว่วเสียงคนมาพูดคุยด้วย อย่างไรก็ตามอาการเหล่านี้มักจะเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อได้รับการรักษา อารมณ์เศร้าดีขึ้น อาการโรคจิตก็มักทุเลาตาม
สาเหตุ
ปัจจัยสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดโรคซึมเศร้าได้แก่
กรรมพันธุ์ พบว่ากรรมพันธุ์มีส่วนเกี่ยวข้องสูงในโรคซึมเศร้าโดยเฉพาะในกรณีของผู้ที่มีอาการเป็นซ้ำหลายๆ ครั้ง
สารเคมีในสมอง พบว่าระบบสารเคมีในสมองของผู้ป่วยโรคซึมเศร้ามีการเปลี่ยนแปลงไปจากปกติอย่างชัดเจน โดยมีสารที่สำคัญได้แก่ ซีโรโทนิน (serotonin) และนอร์เอพิเนฟริน (norepinephrine) ลดต่ำลง รวมทั้งอาจมีความผิดปกติของเซลล์รับสื่อเคมีเหล่านี้ ปัจจุบันเชื่อว่าเป็นความบกพร่องในการควบคุมประสานงานร่วมกัน มากกว่าเป็นความผิดปกติที่ระบบใดระบบหนึ่ง ยาแก้เศร้าที่ใช้กันนั้นก็ออกฤทธิ์โดยการไปปรับสมดุลย์ของระบบสารเคมีเหล่านี้
ลักษณะนิสัย บางคนมีแนวคิดที่ทำให้ตนเองซึมเศร้า เช่น มองตนเองในแง่ลบ มองอดีตเห็นแต่ความบกพร่องของตนเอง หรือ มองโลกในแง่ร้าย เป็นต้น บุคคลเหล่านี้เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่กดดัน เช่น ตกงาน หย่าร้าง ถูกทอดทิ้งก็มีแนวโน้มที่จะเกิดอาการซึมเศร้าได้ง่าย ซึ่งหากไม่ได้รับการช่วยเหลือที่เหมาะสมอาการอาจมากจนกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้
โรคซึมเศร้านั้นไม่ได้มีสาเหตุจากแต่เพียงปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งเท่านั้น เหมือนกับการป่วยเป็นไข้หวัด ก็มักเป็นจากร่างกายอ่อนแอ จากพักผ่อนน้อย ไม่ได้ออกกำลังกาย ขาดสารอาหาร ถูกฝน อากาศเย็น ร่วมกับการได้รับเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดไข้หวัด ถ้าเราแข็งแรงดี แม้จะได้รับเชื้อหวัดก็ไม่เป็นอะไร ในทำนองเดียวกัน ถ้าร่างกายเราอ่อนแอ แต่ไม่ได้รับเชื้อหวัดก็ไม่เกิดอาการ การเริ่มเกิดอาการของโรคซึมเศร้านั้นมักมีปัจจัยกระตุ้น มากบ้างน้อยบ้าง บางครั้งอาจไม่มีก็ได้ซึ่งพบได้น้อย อย่างไรก็ตาม การมีสาเหตุที่เห็นชัดว่าเป็นมาจากความกดดันด้านจิตใจนี้ มิได้หมายความว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนเราไม่ว่าจะรุนแรงแค่ไหน การพิจารณาว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นผิดปกติหรือไม่ เราดูจากการมีอาการต่าง ๆ และความรุนแรงของอาการเป็นหลัก ผู้ที่มีอาการเข้ากับเกณฑ์การวินิจฉัยโรคซึมเศร้านั้น บ่งถึงภาวะของความผิดปกติที่จำต้องได้รับการช่วยเหลือ
การรักษา
โรคซึมเศร้านี้หากได้รับการรักษาผู้ที่เป็นจะอาการดีขึ้นมาก อาการซึมเศร้า ร้องไห้บ่อยๆ หรือรู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจ จะกลับมาดีขึ้นจนผู้ที่เป็นบางคนบอกว่าไม่เข้าใจว่าตอนนั้นทำใมจึงรู้สึกเศร้าไปได้ถึงขนาดนั้น ข้อแตกต่างระหว่างโรคนี้กับโรคจิตที่สำคัญประการหนึ่งคือ ในโรคซึมเศร้าถ้าได้รับการรักษาจนดีแล้วก็จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม ขณะที่ในโรคจิตนั้นแม้จะรักษาได้ผลดีผู้ที่เป็นก็มักจะยังคงมีอาการหลงเหลืออยู่บ้าง ไม่สามารถทำอะไรได้เต็มที่เหมือนแต่ก่อน ยิ่งหากมารับการรักษาเร็วเท่าไรก็ยิ่งจะอาการดีขึ้นเร็วเท่านั้น ยิ่งป่วยมานานก็ยิ่งจะรักษายาก
การรักษาที่สำคัญในโรคนี้คือการรักษาด้วยยาแก้เศร้า โดยเฉพาะในรายที่อาการมาก ส่วนในรายที่มีอาการไม่มาก แพทย์อาจรักษาด้วยการช่วยเหลือชี้แนะการมองปัญหาต่างๆ ในมุมมองใหม่ แนวทางในการปรับตัว หรือการหาสิ่งที่ช่วยทำให้จิตใจผ่อนคลายความทุกข์ใจลง ร่วมกับการให้ยาแก้เศร้าหรือยาคลายกังวลเสริมในช่วงที่เห็นว่าจำเป็น
การรักษาด้วยยาแก้เศร้า
ยาแก้เศร้ามีส่วนช่วยในการรักษาโรคนี้ แม้ผู้ที่ป่วยบางคนอาจรู้สึกว่าความทุกข์ใจหรือปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตนเองนั้นเป็นเรื่องของจิตใจ แต่ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า ถ้าเป็นโรคซึมเศร้าแล้วแสดงว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในร่างกายของคนเราจนทำให้เกิดมีอาการต่างๆ เช่น น้ำหนักลด อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ ร่วมอีกหลายๆ อาการ ไม่ใช่มีแต่เพียงอารมณ์เศร้าอย่างเดียว ซึ่งยาจะมีส่วนช่วยในการบำบัดอาการต่างๆ เหล่านี้ อีกทั้งยังสามารถทำให้อารมณ์ซึมเศร้า ความวิตกกังวลใจทุเลาลงได้ด้วย จากการศึกษาพบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า 10 คนหากได้รับการรักษาด้วยยาแก้เศร้าอาการจะดีขึ้นจนหายถึง 8-9 คน ในขณะที่หากไม่รับการรักษานั้นอาการจะดีเองขึ้นเพียง 2-3 คนเท่านั้น (เฉพาะในรายที่อาการไม่รุนแรง หากอาการรุนแรงอาจจะกล่าวได้ว่ายากที่จะหายเอง)
ผลกระทบ
ปัจจุบันเราจะได้ยินข่าวการฆ่าตัวตายจากสื่อต่างๆ มากขึ้น หลายครั้งที่สังคมเกิดคำถามว่าอะไรเป็นปัจจัยให้คนเราฆ่าตัวตาย ทางองค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่า ในปีหนึ่งจะมีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จเป็นจำนวนมากกว่า 1 ล้านคน เมื่อคิดเฉลี่ยต่อเวลาจะพบว่ามีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จ 1 คน ทุก 40 วินาทีและมากกว่าร้อยละ 70 ของผู้ที่ฆ่าตัวตายเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้าแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง และในขณะเดียวกันผู้ป่วยโรคซึมเศร้านั้นมีโอกาสฆ่าตัวตายสูงเป็น 20 เท่า เมื่อเทียบกับประชากรทั่วไป
จะเห็นว่าทั้งภาวะการฆ่าตัวตายและโรคซึมเศร้านั้นมีความเชื่องโยงกัน การสูญเสียจากการฆ่าตัวตายมิใช่เพียงแค่สูญเสียทรัพยากรบุคคล หรือสูญเสียทางเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากบุคคลซึ่งกระทำการฆ่าตัวตายเท่านั้น หากแต่ยังมีการสูญเสียทางจิตใจเกิดขึ้นกับผู้ที่อยู่รอบตัวของบุคคลที่กระทำการฆ่าตัวตายอีกด้วย ทางองค์การอนามัยโลกพบว่า การฆ่าตัวตายส่งผลกระทบต่อจิตใจของพ่อ-แม่ พี่-น้อง สามี-ภรรยา และเพื่อนๆ ของผู้ตายอีกอย่างน้อย 5-10 คน นั่นคือ มีคนประมาณ 5-10 ล้านคนต่อปี ได้รับผลกระทบทางจิตใจจากผู้ซึ่งกระทำการฆ่าตัวตายในปัจจุบันนี้
จากการศึกษาร่วมกันระหว่าง องค์การอนามัยโลก มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด และธนาคารโลก เพื่อคาดการณ์ภาระโรค (burden of disease) ที่มีต่อประชากรในทุกภูมิภาคของโลก ปรากฏว่าโรคซึมเศร้า ได้เปลี่ยนแปลงอันดับของโรคที่เป็นภาระจากอันดับที่ 4 ในปี ค.ศ.1990 มาเป็นอันดับที่ 2 ในปี ค.ศ.2020 นั่นหมายถึงว่า โรคซึมเศร้าจะก่อให้เกิดความสูญเสียด้านสุขภาพของประชากรโลกเป็นเท่าตัวภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ การป้องกันการฆ่าตัวตายอันเกิดจากโรคซึมเศร้าที่ดีที่สุดคือ การที่ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยโรคโดยเร็วและได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี
ผู้ที่มีอาการซึมเศร้านั้นมิได้หมายความว่าจะต้องเป็นโรคซึมเศร้าเสมอไป เพราะในความเป็นจริงแล้ว อารมณ์เศร้าเป็นอารมณ์ด้านลบชนิดหนึ่งซึ่งทางจิตวิทยาถือว่า เป็นสภาวะอารมณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปกติได้เป็นครั้งคราวกับบุคคลทั่วไปเมื่อเผชิญกับการสูญเสีย การพลาดในสิ่งที่หวัง การถูกปฏิเสธ แต่คนที่เป็นโรคซึมเศร้านั้นอาการเศร้าจะมากเกินควรและอยู่นานเกินไป ไม่ดีขึ้นแม้ได้รับกำลังใจหรืออธิบายด้วยเหตุผล มักจะมีความรู้สึกด้อยค่า รู้สึกผิด อยากตายร่วมด้วย และต้องมีผลกระทบต่อหน้าที่การงาน กิจวัตรประจำวัน และการสังคมทั่วไปของบุคคลนั้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
กิจกรรมที่ 5 โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโรคซึมเศร้า from manuschanok45
-
cr : http://1.bp.blogspot.com 💂ความหมายของบล็อก บล็อก ( อังกฤษ : blog ) เป็นคำรวมมาจากคำว่า เว็บล็อก (...
-
มาอ่านสรุป TCAS ระบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลับรูปแบบใหม่ที่จะเริ่มใช้ในปีการศึกษา 2561 นี้ กันดีกว่า ว่าสรุปแล้วระบบใหม่นี้มันคืออะไรกันแ...
-
cr. https://sites.google.com/a/scphkk.ac.th นายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ นักกฎหมายผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอิเล็กทรอนิกส์ ในฐา...